ซุ้มกอ สีดำ เนื้อดิน กำแพงเพชร พระกรุวังมะสะ เจ้าของเดิมได้มาทั้งไห
บูชาองค์ละ 500 บาท
พระกรุแน่นอนครับ แต่ไม่สามารถยืนยันอายุ และกรุวังมะสะ เจ้าของเดิมขุดได้มานาน คราบกรุเดิมๆครับ
กรุวังมะสะ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ปรากฏในพระราชศรัทธาและกฤษดาภินิหาร ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระมหาวีรราชเจ้าจอมไทย ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็น พระมหากษัตริย์
ผู้มีพระราชศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างสูงส่ง กล่าวกันว่า ทรงสร้าง พระพิมพ์เนื้อดิน แบบกรุวังมะสะ
เมืองพิษณุโลก เพื่อแจกแก่ไพร่พลในระหว่างสงครามกอบกู้เอกราชของชาติไทย ในพระราช พงศาวดาร ฉบับจักรพรรดิพงศ์
กล่าวว่า หลังชนะศึกเมือง คัง สมเด็จพระนเรศวร ได้เสด็จกลับเมืองพิษณุโลก ทรงทำการถวายเครื่องทรงเป็นพุทธบูชา
พระชินราช พระชินสีห์เจ้า พร้อมทำการสมโภช ๓ วัน แล้วจึงเสด็จไปเฝ้าพระราชบิดาที่กรุงศรีอยุธยา ทรงมีพระราชศรัทธา
ในสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา เสมือนพระอาจารย์ สมเด็จพระพนรัตน์ ทูลแนะนำให้ทรงสร้าง
พระมหาเจดีย์ยุทธหัตถี หรือ พระชัยมงคลเจดีย์ เฉลิมพระเกียรติยศ ที่ทรงมีชัยชนะเหนือพม่า ณ วัดใหญ่ชัยมงคล (วัดป่าแก้ว)
อันเป็นต้นกำเนิดสกุลพระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา
ดังนั้นพระเครื่องในยุคที่เกี่ยวข้อง และปรากฏในพระราชศรัทธาและกฤษดาภินิหาร ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีเพียง ๒ กรุ คือ กรุวังมะสะ และ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล นอกจากนี้ยังปรากฏนามพระกรุนี้เป็นคำขวัญของ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ปัจจุบันดังนี้
" พรหมพิรามเมืองพระ วังมะสะพระเครื่อง ลือเลื่องทุ่งสาน ชลประทานเขื่อนนเรศวร หลากล้วนมังคละดนตรี "
พระกรุนี้แตกกรุในช่วงปี พ.ศ.2500 มีจำนวนมากพอสมควร ชาวบ้านขุดตามบริเวณโบราณสถานเก่าๆ ไล่ตั้งแต่เขตตำบลสะพานหิน โดยพบ ‘ขุนแผนกรุวังมะสะ’ เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะแถบบริเวณสระน้ำโบราณของหมู่บ้าน อันมีซากเจดีย์เก่าแก่ยืนปรักหักพังอยู่ไม่ไกลนัก คณะขุดกรุครั้งแรกมีด้วยกัน 4-5 คน ใช้เวลาอยู่ถึงสามวันโดยขุดลึกลงไปประมาณ 6 เมตร บังเอิญพบอิฐเก่าก่อเป็นสี่เหลี่ยม ด้านบนมีฝาทำจากอิฐเผากว้างกว่าหนึ่งเมตรปิดทับอยู่ นับเป็นการพบ “นางกรุวังมะสะ” เป็นครั้งแรก
พระกรุนี้เป็นพระที่นิยมในพื้นที่และผู้ที่ศึกษาประวัติความเป็นมา ตอนแตกกรุใหม่ ปี พ.ศ.2534 ในพื้นที่บริเวณวัดวังมะสะ
(ที่ซึ่งเคยเป็นสถานที่รวมพลของสมเด็จพระนเรศวร) ได้มีชาวบ้านในพื้นที่แอบลักลอบขุดออกมาเป็นจำนวนมาก
เนื่องจาก ‘นางวังมะสะ’ เป็นพระที่มีขนาดเล็กบวกกับชื่อตระกูล "นาง" จึงเป็นที่นิยมของสุภาพสตรีแม่ค้าแม่ขาย ถือว่ามีเมตตามหานิยม ทำมาค้าขึ้น แต่นับวันก็จะหายากเพราะผู้คนหันมานิยมอาราธนาขึ้นคอเป็นพระชุดเล็ก พุทธคุณดีเยี่ยมและสนนราคาก็ไม่แพงเกินกว่าจะหยิบฉวยได้ แต่ถ้าถามว่าปัจจุบันมีปลอมหรือยัง ต้องตอบเสียงดังฟังชัดเลยว่ามีมานานแล้ว ก็ต้องหัดดูหัดจำให้แม่น เรียกว่าขึ้นคอได้ไม่อายใครสำหรับพระจิ๋วแต่แจ๋วประเภทนี้
ปัจจุบันบริเวณที่ขุดพบเป็นพื้นไร่นาของชาวบ้านเกือบหมดแล้ว จึงเหลือเพียงชื่อเสียงที่เล่าขานสืบทอดกันมา หายาก เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสะสมพระ หรือ ชอบพุทธคุณทางด้านเมตตา โชคลาภ คงกระพันชาตรี
|
|
|
|