พระผงบารมีพระบรมธาตุ พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดท่าเรือ ปี 2497
For show only พระโชว์เท่านั้น
ผมขอแนะนำพระพิมพ์ปรกโพธิ์(หรือบางคนเรียกว่าพระพิมพ์ชินราช วัดท่าเรือ) พิมพ์เล็กซึ่งได้สร้างในปี พ.ศ.๒๔๙๗ เนื่องจากมีเหตุผลคือ มีขนาดเล็กกระทัดรัด(ประหยัดทองเวลาเลี่ยม,เหมาะสำหรับผู้หญิงและเด็กห้อย ในยามที่ทองบาทละแปดพันไม่รวมค่ามือ),พุทธคุณมีครบทุกด้าน และท้ายสุดคือราคาเช่าหาอยู่หลักร้อยต้น อย่างเก่งไม่น่าจะเกินห้าร้อยบาท.นอกจากนี้เนื่องจากมีปริมาณการสร้างมากพอ ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องการหาพระมา คงหาไม่ยาก มีปริมาณหมุนเวียนมากพอ และเท่าที่เดินๆดูตามสนามก็ยังไม่ได้รับความนิยมในการสร้างของเลียนแบบ….ไม่ นานมานี้ผมก็ยังได้พระปรกโพธิ์พิมพ์เล็กมาองค์ละ 20 บาทในกองพระที่เขาเอามาเลหลังขายแบบพระเหมา…บทความนี้ผมเขียนไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ ปัจจุบันปี๒๕๕๑ ทองบาทละ 14,000 บาทครับ
ผมได้พูดถึงเรื่องพุทธคุณว่ามีครบทุกด้าน ดีไปหมดก็ว่าได้ ลองตามผมมาดูว่าทำไมผมถึงบอกว่าพระพิมพ์นี้รุ่นนี้ถึงเป็นพระดี ผมขอจำแนกเป็นข้อๆได้ทั้งหมดสี่ข้อดังนี้
๑.เรื่องเจตนาการสร้าง
เป็นการสร้างขึ้นเพื่อแจกส่วนหนึ่ง,ให้ทำบุญกฐินโดยนำเงิน รายได้มาสร้างกำแพงล้อมรอบวัดพระบรมธาตุ และอีกส่วนหนึ่งนำมาบรรจุบนเจดีย์พระบรมธาตุ โดยเริ่มจาก”ตาขรัวคง”หรือ”อาจารย์คง” อาจารย์ของขุนแผนได้เข้าประทับร่างศิษย์ของท่านอาจารย์ชุม ซึ่งอาจารย์คงได้เคยอธิษฐานเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ว่า สมัยใด กาลใด พระพุทธศาสนาถึงซึ่งความเสื่อมทรามทางจิตใจของมนุษย์ ประเทศชาติได้รับความเดือดร้อน ท่านต้องมาช่วยและกาลนี้ก็ถึงเข้าแล้วจึงได้ปรากฎวิญญาณให้ท่านอาจารย์ชุม ได้จัดสร้างพระผงบารมีพระบรมธาตุ(ในขั้นตอนที่ได้มีการพิสูจน์ว่าเป็น อาจารย์คงจริงๆก็มีการเขียนไว้แต่ผมคงไม่เขียน )
๒.เรื่องมวลสาร
ท่านอาจารย์คงได้ให้อาจารย์ชุมเดินทางไปเก็บ”ผงวิเศษ ๑๐๘กรุทั่วประเทศไทย”
อาทิ-ที่สุพรรณบุรี:-ผงก้นกรุ-ผงกระดูกของอาจารย์คง,ผงขุนแผนไข่ผ่าซีก,ผง วัดบ้านกลาง(ผงพระพลายเพชรพลายบัว,ผงขุนแผนเนื้อดินเผา),ผงวัดดอนไก่ เตี้ย(ผงยา,ผงพระเนื้อชิน) เป็นต้น
-สุโขทัย:-ผงวัดมหาธาตุ(พระเนื้อชิน,พระนาคปรกเนื้อดินเผา,พระโมคัลลาน์สารี บุตร,พระเรือนแก้ว,พระสะดุ้งมาร),เนื้อดินหลวงพ่อโต วัดป่ามะม่วง,ผงดินเผาของวัดดอนลาน-วัดช้างล้อม-วัดป่ากล้วย-นางพญาวัดต้น จันทร์และของวัดพระเชตุพน
-พิษณุโลก:-ผงดินเผา วัดท่ามะปราง-วัดจุฬามณี-วัดอรัญญิก-วัดตาปะขาวหาย-วัดวิหารทอง-วัดประตู ไชย,ผงพระเศียรหัก วัดพระพุทธชินราช,ผงนางพญา วัดนางพญา
-ลำพูน:-ผงพระรอดพระคงพระเปิม,ผงพระสิบสอง-พระเปิม-พระสามของวัดพระธาตุ
-กำแพงเพชร:-ผงดินเผา,ผงพระหักป่น วัดพระปรางค์
-พัทลุง:-ผงพระดินดิบสมัยศรีวิชัย วัดถ้ำคูหาสวรรค์-ถ้ำอกทะลุ
-ตรัง:- ผงพระดินดิบสมัยศรีวิชัย วัดถ้ำเขาลายและถ้ำคีรีวิหาร
รวมผงก้นกรุและผงพระหักป่นมากกว่า ๑๐๘ กรุ โดยได้ทำการเก็บครบเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๙๗
นอกจากนี้ยังมีผงวิเศษอื่นๆอีกดังนี้
-ผงพระมหาว่าน อาจารย์เฒ่า วัดเขาอ้อ
-ผงว่าน ๑๐๘ ชนิด และผงดอกไม้ ๑๐๘ วัด
-ผงพระเทพนิมิตรและผงนะปถมัง ของอาจารย์ชุม(สร้างไว้เมื่อ มิ.ย.๒๔๙๖)
-ผงพระหักป่น,ผงวิเศษจากสำนักอาจารย์ผู้เฒ่า ซึ่งท่านขุนพันธรักษ์ได้รวบรวมไว้หลายสำนัก
-ผงว่าน ๑๐๘ของท่านขุนพันธรักษ์
-ผงสมเด็จวัดอินทร์ พระนคร
-ผงนะปถมัง วัดหงษ์แพรก นนทบุรี
-ผงสมเด็จวัดระฆัง,ผงอิทธิเจ วัดหิรัญรูจี ธนบุรี
-ผงอิทธิเจของท่านพระครูสิทธิยาภิรัตน์ วัดดอนศาลา
-ผงอาจารย์แปลก วัดราษฎร์บูรณะ
๓.การกดพิมพ์พระ
ได้ฤกษ์เริ่มพิมพ์องค์พระ วันที่ ๒ สค.พ.ศ.๒๔๙๗ โดยได้พระครบ ๘๔,๐๐๐ องค์เมื่อ ๑ กย.พ.ศ.๒๔๙๗
โดยผู้พิมพ์พระ คือพระภิกษุ,สามเณรและศิษย์ของอาจารย์ชุมซึ่งสมาทานศีล๕ นุ่งขาวห่มขาว ถวายพรหมจรรย์ตลอดพิธี มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ วันละ ๑๐๘ จบ,พาหุง ๑๓ จบและสวดพุทธาภิเษกตลอดพิธี.ในพิธีหากมีลูกศิษย์คนใดได้ทำผิดเช่นแอบไปกิน เหล้า,พูดจาไม่เป็นมงคล หรือแอบกลับไปนอนกับเมีย ท่านอาจารย์คงจะพูดให้คนในพิธีฟังก่อนที่ผู้กระทำผิดได้ย้อนกลับมา ท่านจะรอต้อนรับที่หน้าโบสถ์โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้นั้นเข้าในวงล้อมสายสิญจน์ จนกว่าจะถูกปรับโทษเสียก่อน การปรับโทษนั้นต้องรับสารภาพจนหมดเปลือก หากมีการปกปิดซ่อนเร้น ท่านจะแฉขึ้นเอง จากนั้นต้องอยู่กรรมถูกจำกัดสถานที่เป็นเวลา ๓ วัน ต้องสวดมนต์ภาวนา ห้ามพูดคุยข้องแวะกับผู้อื่นทุกกรณีจนกว่าจะครบกำหนด ปกติต้องถือศีลห้า แต่ผู้ที่ทำผิดต้องถือศีลแปด.
๔.พิธีการปลุกเสก
ได้ทำการขอเชิญวิญญาณอาจารย์คง เพื่อกำหนดสถานที่ตั้งโรงพิธี โดยได้จัดตั้งที่ พระวิหารหลวง วัดพระบรมธาตุ โดยทำพิธีปลุกเสกตั้งแต่ ๑๔ กย.ถึง ๑๒ ตค. พ.ศ.๒๔๙๗ ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ๑๐๘ รูปมาร่วมพิธี มีท่านเจ้าคุณพระภัทรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุฯเป็นประธานฝ่ายสงฆ์.การปลุกเสกแบ่งออกเป็นตอนๆและมี การตรวจสอบพุทธคุณด้านนั้นๆ เช่นเสกคงกระพัน ๗ วัน,เสกแคล้วคลาด ๗ วัน,เสกมหานิยม ๗ วัน,เสกกันปืน-มหาอุด ๗ วัน,เสกป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูติผีปีศาจ ๗ วัน และเสกกันโจรป้องกันสัตว์ร้าย ๗ วัน.หลังจากเสกจบระยะหนึ่งๆนั้นได้มีการทดลองด้วยการตรวจรังสีพระและทดสอบ โดยการให้ลูกศิษย์กำพระไว้แล้วใช้มีดทั้งฟันและเฉือน,ใช้ปืนยิงเข้าที่กอง วัตถุมงคลโดยใช้ปืนหลายขนาด ปรากฎว่าปืนไม่ลั่นสักกระบอก จากนั้นให้ลูกศิษย์กำพระคนละองค์แล้วใช้ปืนยิงใส่ ปรากฎว่ามีเสียงดังแช๊ะๆ ๓ ครั้ง และได้นำพระไปแช่ในน้ำมันหอมแล้วทาที่ตัวหนู,แมวและสุนัข ปรากฎว่าทั้งสามชนิดกินด้วยกันนอนด้วยกันและเล่นด้วยกันโดยไม่ทำอันตรายกัน.
สำหรับคณาจารย์ ๑๐๘ รูปนั้นได้หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเป็นชุดๆ โดยจากคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในพิธีนั้น รู้จักแต่เกจิทางใต้ ส่วนเกจิบางรูปนั้นไม่รู้จัก แต่อาจารย์ชุมได้มีการบันทึกไว้(แต่ผมยังไม่เคยได้ผ่านตาเลยครับ)
เท่าที่พอจำได้มีดังนี้
๑.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน
๒.หลวงพ่อโอภาสี บางมด
๓.หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน
๔.หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา
๕.หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย
๖.หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ
๗.หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา
๘.หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง
๙.หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก
๑๐.หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง
๑๑.หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย
๑๒.หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด
๑๓.หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ
๑๔.หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน
๑๕.หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ
๑๖.หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาตะวันตก
๑๗.หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก
๑๘.หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู
๑๙.หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร
๒๐.หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา
๒๑.หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน
๒๒.หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย
๒๓.หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู
๒๔.หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน
๒๕.หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์
๒๖.หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก
๒๗.หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง
๒๘.หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ
๒๙.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
๓๐.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
๓๑.หลวงพ่อจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ
ในพิธีปลุกเสกนั้นมีเกจิร่วมปลุกเสกอยู่เต็มโบสถ์ ซึ่งจำนวนที่แท้จริงท่าน(ผู้บอกเล่า)ไม่ได้นับ และยังมีเกจิจากทางภาคกลางที่ท่าน(ผู้บอกเล่า)ไม่รู้จัก.โดยผมเข้าใจว่าน่า จะเป็นการปลุกเสกในคืนวันที่ ๑๒ ตค. พ.ศ.๒๔๙๗มากกว่า โดยมีการปลุกเสกตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. มีพระสงฆ์สวดพุทธมนตร์และพุทธาภิเษกมีอาจารย์นั่งปรกตลอดทั้งคืน.ดังนั้นที่ ว่าเริ่มปลุกเสกตั้งแต่ ๑๔ กย.นั้นได้ระบุว่า “เริ่มเปิดพิธีปลุกเสกโดย อาจารย์นำ ชินวโร วัดดอนศาลา,อาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ และอาจารย์คง สิริมโต วัดบ้านสวน โดยอาจารย์ที่ทำการปลุกเสกตลอดพิธี ได้แก่อาจารย์ชุม ไชยคีรี และอาจารย์ขุนพันธรักษ์ราชเดช” น่าจะมีการปลุกเสกมาก่อนนั้นแล้วทำพิธีปลุกเสกใหญ่ปิดท้าย.
ในตอนท้ายพิธี ขณะที่พระกำลังให้พร วิญญาณอาจารย์คงสั่งให้กลุ่มศิษย์ออกจากโบสถ์ให้มองดูที่ท้องฟ้า ปรากฎว่าดวงไฟโตเท่าบาตรมีหลากสีร่วงตกจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ พอพระสวดถึงภวันตุเมเป็นจังหวะที่ดวงไฟดวงนั้นตกที่หลังคาโบสถ์แล้วหายไป
อ้างอิงจาก
๑.พระปรกโพธิ์พิมพ์วัดท่าเรือ และพระนาคปรกพิมพ์วัดนางตรา รุ่นพ.ศ.๒๔๙๗ สร้างโดยอาจารย์ชุม ไชยคีรี เขียนโดย นายแพทย์จรัญ วัยศิริ ในนิตยสารลานโพธิ์ ฉบับเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖
๒.พระชินราชท่าเรือ 2497 เขียนโดย เชิดศักดิ์ รัศมีพงศ์ ในนิตยสาร สนามพระ พระเครื่องสะสม ฉบับที่ ๓๐ ปี ๒๕๓๗
ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับพระเครื่องรุ่นนี้
สำหรับเกียรติคุณของอาจารย์ชุม ผมว่าไม่จำเป็นต้องเล่าแล้วเป็นแน่ๆ สิ่งที่ผมได้นำมาเล่า เพื่อนำไปสู่ศรัทธาต่อพระผงบารมีพระบรมธาตุ ซึ่งตัวผมเองเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พระเครื่องวัตถุมงคลจะแผ่บารมีพลังคุ้มครองได้อย่างเต็มที่ถ้าผู้อาราธนา นั้นมีศรัทธาอย่างแท้จริง. สำหรับรายการวัตถุมงคลอื่นๆ ผมขอข้ามไปเลยเพราะไม่ตรงตามความประสงค์ที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น.เชื่อไหม ครับว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางเสาะหาผงพระกรุ๑๐๘กรุ สามหมื่นห้าพันบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในพิธี หกหมื่นห้าพันบาท คิดดูว่าในปีพ.ศ.๒๔๙๗นั้นทองบาทละไม่กี่ร้อย พระสมเด็จกรุบางขุนพรหมที่เปิดกรุมาในปี พ.ศ.๒๕๐๙นั้นสวยๆให้บูชากันที่วัดพันถึงสองพันบาท เทียบกันดูสิครับค่าใช้จ่ายในการสร้างหนึ่งแสนบาท เรื่องมวลสารก็เดินทางนำเอาผงกรุจนครบ ๑๐๘กรุจริงๆ แถมดูผู้สร้างมีความตั้งใจให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนแบบนี้ ผมขอถามสักทีว่าในยุคการสร้างพระเครื่องรุ่นใหม่โดยเฉพาะที่ส่งให้โรงงาน ปั๊มกันเกือบทุกที่ เทียบกันได้ไหมครับ มีสำนักไหนที่สร้างพระเครื่องอย่างพิถีพิถันทำถูกตำรา จะมีแต่คงน้อยมากหรือส่วนมากก็เป็นแค่คำโฆษณาเท่านั้น และมีพิธีไหนที่กล้าลองพุทธคุณกันหลังปลุกเสก มีแต่คงไม่มากครับ
ผมไม่ได้เชียร์พระรุ่นนี้นะครับ แต่ได้นั่งอ่านข้อมูลแล้วทึ่งกับการสร้างครับ ถ้าผมอยากได้พระเครื่องอาราธนาไว้คุ้มครองตัวเองให้รอดปลอดภัยจากภัยทั้ง หลาย แต่จำกัดด้วยปัจจัยเรื่องเงินทอง และในยุคปัจจุบันที่พระเครื่องที่สร้างออกมาใหม่ก็เอาแน่เอานอนกับการจัด สร้างแทบไม่ได้ แถมอย่างน้อยองค์หนึ่งร้อยสองร้อย บางทีอาจถึงห้าร้อยบาท ผมนึกถึงพระพิมพ์ปรกโพธิ์วัดท่าเรือพิมพ์เล็กของอาจารย์ชุมปี ๒๔๙๗เป็นหนึ่งในพระเครื่องพุทธคุณเยี่ยมแต่ราคาเยาว์ชน.
ขนาดองค์พระจริงๆ ไม่เกินพระผงวัดปากน้ำรุ่นหนึ่ง…..สำหรับพิธีนี้ยังมีพระเครื่องแบบอื่นอีกแต่ไม่ได้นำมารวมด้วย
ข้อมูลจาก http://www.amulet2u.com/board/q_view.php?c_id=3&q_id=1019
|
|
|